รอง ผบช.น.ประชุมคืบหน้าคดี นายปริญญ์ อดีตรองหัวหน้าพรรค ปชป.ลวนลามอนาจารสาว เผย เตรียมยื่นถอนประกันตัวหากผู้ต้องหาทำผิดเงื่อนไข-ยังไม่พบหลักฐาน พ.ต.อ.เจรจาผู้เสียหายขอยุติคดี
วันนี้ (18 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ สน.ลุมพินี พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. เปิดเผยความคืบหน้าคดีของ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ต้องหาคดีกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุเกินกว่า 15 ปี 2 คดี และคดีข่มขืนกระทำชำเรา 1 คดี รวม 3 คดี ในพื้นที่ สน.ลุมพินี ภายหลังเข้าประชุมคดีดังกล่าว ว่า สำหรับคดีทั้งหมด อยู่ในพื้นที่ สน.ลุมพินี 3 คดี และ สภ.เมืองเพชรบุรี 1 คดี ส่วนกรณีที่ผู้เสียหายแจ้งความที่จังหวัดเชียงใหม่นั้นได้รับรายงานแล้ว แต่ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่ไม่สามารถนำคดีต่างๆ มารวมกันได้ เพราะผู้เสียหาย รวมถึงวันเวลาที่เกิดเหตุ แตกต่างกัน ไม่ใช่คดีที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง
พล.ต.ต.ไตรรงค์ เปิดเผยอีกว่า คดีแรกที่ผู้เสียหายอายุ 18 ปี เข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น สามารถรวบรวมพยานหลักฐานได้พอสมควร ขณะนี้ได้ส่งภาพจากคลิปวิดีโอให้กองพิสูจน์หลักฐานเพื่อทำการตรวจสอบ ว่า มีความถูกต้อง รวมถึงผ่านการดัดแปลงหรือไม่ โดยขณะนี้ทำการสอบพยานไปหลายปาก และในเบื้องต้นให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนคดีอื่นๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ตำรวจก็พยายามเต็มที่ในการหาหลักฐาน และถือว่าคดียังอยู่ในอายุความ
ส่วนการยื่นเพิกถอนประกันตัวของผู้ต้องหา หากพบว่า มีการกระทำที่ผิดเงื่อนไข ตำรวจก็จะยื่นเรื่องต่อพนักงานอัยการให้เพิกถอนการประกันตัวได้ อย่างไรก็ตาม ต้องมีพยานบุคคลหรือวัตถุพยานที่สามารถยืนยันได้ว่าผู้ต้องหากระทำผิดเงื่อนไขการประกันตัวจริง ส่วนผู้เสียหายที่จะเดินทางมาแจ้งความในช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. นั้น ได้รับรายงานจาก ผกก.สน.ลุมพินี รวมถึงได้เตรียมคณะพนักงานสอบสวนไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม การรวมคดีให้ บช.น. เป็นผู้ดำเนินการเพียงหน่วยงานเดียวกันนั้น ไม่สามารถทำได้ แต่ในกรณีที่ผู้เสียหายเดินทางเข้ามาแจ้งความที่ สน.ลุมพินี แต่เหตุเกิดในพื้นที่อื่น ก็จะประสานส่งเรื่องต่อไปให้ ยืนยันว่าตำรวจทำงานตามพยานหลักฐาน เมื่อมีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีและพบความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ตำรวจต้องดำเนินการตามกฎหมายโดยไม่สนใจว่าจะเป็นเรื่องทางการเมืองหรือไม่
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า มีข้าราชการยศ พ.ต.อ. และ ตัวผู้ต้องหาเอง พยายามเจรจากับผู้เสียหายเพื่อให้ยุติบทบาททางคดี ซึ่งอาจผิดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวของศาลนั้น ขณะนี้ยังไม่พบพยานหลักฐานที่ชัดเจน มีเพียงคำกล่าวอ้างและกระแสข่าวเท่านั้น แต่หากมีพยานหลักฐานมายืนยันในภายหลัง ตำรวจก็พร้อมที่จะไปยื่นให้ศาลให้เพิกถอนการประกันตัวได้ ทั้งนี้ จากการสืบสวนของตำรวจยังไม่พบว่ามีการทำลายพยานหลักฐานจากโดยกลุ่มผู้ต้องหามีเพียงพยานหลักฐานที่หมดอายุการเก็บรักษาตามปกติ อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวสามารถดำเนินการทันกรอบเวลาการส่งสำนวนให้อัยการอย่างแน่นอน
พล.ต.ต.ไตรรงค์ เปิดเผยอีกว่า ส่วนการรวมโทษทางคดีนั้น ศาลจะพิจารณาตามแต่ละคดี เพราะเป็นคดีต่างกรรมต่างวาระ โดยจะรวมโทษหรือไม่อยู่ที่ดุลพินิจของศาล โดยพนักงานสอบสวนมีหน้าที่รวบรวมหลักฐานส่งให้พนักงานอัยการไม่สามารถก้าวล่วงได้
อ้างอิง
https://m.mgronline.com/crime/